
อัปเดตเมื่อ: 28/07/2025
ด่วน! เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รถพัง-คนเจ็บ... "ประกัน" จ่ายหรือไม่? สรุปครบจบในโพสต์เดียว
ด่วน! เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รถพัง-คนเจ็บ... "ประกัน" จ่ายหรือไม่? สรุปครบจบในโพสต์เดียว
จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในวันที่ 24-25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 จนเกิดการปะทะกันด้วยกำลังทหารอย่างหนัก มีการยิงปืนใหญ่และจรวดข้ามพรมแดนเข้าสู่พื้นที่พลเรือน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก
แม้รัฐบาลจะระบุว่าเป็นการปะทะเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่การประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ แต่คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ "สถานการณ์เช่นนี้ เข้าข่ายข้อยกเว้นเรื่องสงครามในกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่" และความเสียหายที่เกิดขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?
หัวใจสำคัญ: เหตุการณ์นี้เข้าข่าย "สงคราม" ในมุมมองของประกันหรือไม่?
ประเด็นนี้คือหัวใจที่สุดในการพิจารณาความคุ้มครอง เพราะกรมธรรม์ประกันภัยแทบทุกประเภทจะมี "หมวดข้อยกเว้นทั่วไป" ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า:
กรมธรรม์จะไม่คุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อมจาก สงคราม (ไม่ว่าจะประกาศสงครามหรือไม่ก็ตาม), การรุกราน, การกระทำของชาติศัตรู, การสู้รบ, สงครามกลางเมือง, การกบฏ, การปฏิวัติ, การยึดอำนาจการปกครองโดยทหาร หรือโดยประการอื่น
วิเคราะห์สถานการณ์ตามข้อยกเว้น
คำสำคัญที่สุดคือ "ไม่ว่าจะประกาศสงครามหรือไม่ก็ตาม" หมายความว่าบริษัทประกันจะพิจารณาจาก "ลักษณะของเหตุการณ์" เป็นหลัก ซึ่งการปะทะที่เกิดขึ้น:
- มีการใช้กำลังทหาร: กองทัพของทั้งสองประเทศเข้าสู้รบกันโดยตรง
- มีการใช้อาวุธหนัก: มีการยิงปืนใหญ่และจรวด BM-21 ข้ามเขตแดน ซึ่งเข้าข่าย "การรุกราน" และ "การกระทำของชาติศัตรู"
- เป็นการเผชิญหน้าเต็มรูปแบบ: มีการใช้ยุทโธปกรณ์ เช่น เครื่องบินขับไล่ F-16
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่บริษัทประกันภัยจะอ้างข้อยกเว้นนี้เพื่อปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้
สรุปความคุ้มครองของประกันแต่ละประเภท
✅ ประกันชีวิต (Life Insurance)
โดยทั่วไป กรมธรรม์ประกันชีวิตจะยกเว้นการจ่ายเงินในกรณีหลักๆ เพียง 3 กรณี คือ:
- ผู้รับประโยชน์ฆ่าผู้เอาประกัน
- ผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี
- การเรียกร้องโดยทุจริต
สรุป: หากผู้เอาประกันเสียชีวิตจากสถานการณ์ปะทะชายแดน ย่อมได้รับความคุ้มครอง จากประกันชีวิต บริษัทจะคืนเบี้ยประกันให้เท่านั้นใน 3 กรณีข้างต้น แต่กรณีนี้ไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าว
❌ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจาก "รถ" แต่มีข้อยกเว้นชัดเจนตาม คำสั่งนายทะเบียนที่ 66/2563 ว่าจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก "สงคราม การรุกราน การสู้รบ"
สรุป: หากประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในรถยนต์ แต่สาเหตุเกิดจากจรวดหรือปืนใหญ่ จะ ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. เพราะต้นเหตุไม่ใช่ "การใช้รถ" แต่เป็น "การสู้รบ" ซึ่งเป็นข้อยกเว้นโดยตรง
❌ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1, 2+, 3+)
ใช้หลักการและข้อยกเว้นเดียวกันกับ พ.ร.บ. ตาม คำสั่งนายทะเบียนที่ 66/2563 หมวดเงื่อนไขทั่วไป ข้อ 3 ที่ยกเว้นความเสียหายจากสงครามและการรุกราน
สรุป: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ถูกจรวดหรือกระสุนปืนใหญ่ จะ ไม่ได้รับความคุ้มครอง จากประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท
ในทางกฎหมายและแนวทางของศาล
- ภาระการพิสูจน์: หากมีข้อพิพาท ฝ่ายบริษัทประกันภัยจะต้องเป็นผู้นำสืบให้ศาลเชื่อว่าเหตุการณ์เข้าข่าย "สงคราม" หรือ "การรุกราน" จริง
- การตีความสัญญา: แม้ศาลมักจะตีความสัญญาที่เป็นคุณต่อผู้เอาประกัน แต่ข้อความที่ว่า "ไม่ว่าจะประกาศหรือไม่ก็ตาม" นั้นมีความชัดเจนสูงมาก ทำให้การตีความเป็นอย่างอื่นทำได้ยาก
เมื่อประกันไม่จ่าย... ผู้เสียหายจะเรียกร้องจากใครได้บ้าง?
ในสถานการณ์เช่นนี้ ภาระการเยียวยาจะตกเป็นของ "ภาครัฐ" โดยตรง ผ่าน "กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี" ซึ่งได้อนุมัติหลักการช่วยเหลือแล้ว ดังนี้
- เสียชีวิต: 1,000,000 บาท/ราย
- ทุพพลภาพ: 700,000 บาท/ราย
- บาดเจ็บสาหัส: 200,000 บาท/ราย
- บาดเจ็บมาก: 100,000 บาท/ราย
- บาดเจ็บเล็กน้อย: 50,000 บาท/ราย
นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเหลือด้านที่พักพิงชั่วคราวและการประเมินความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อเยียวยาตามระเบียบต่อไป
บทสรุปสุดท้าย
เหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าข่ายข้อยกเว้น "สงคราม/การรุกราน" ในกรมธรรม์ประกันวินาศภัยอย่างชัดเจน
- ประกันรถยนต์ (พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ): ไม่คุ้มครอง
- ประกันชีวิต: คุ้มครอง (ไม่เข้าข้อยกเว้นมาตรฐาน)
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบ: จะได้รับความช่วยเหลือจาก ภาครัฐ เป็นหลักผ่านกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยฯ
#เหตุการณ์ชายแดน #ไทยกัมพูชา #ประกันชีวิต #ประกันรถยนต์ #คปภ #สงคราม #กฎหมายน่ารู้ #ข่าววันนี้ #ส่งกำลังใจ #ภาครัฐช่วยเยียวยา