← ย้อนกลับ
อัปเดตเมื่อ: 27/11/2025
รู้ทันประกันภัย "น้ำท่วมภาคใต้" ครั้งนี้... รถคุณได้รับความคุ้มครองหรือไม่? ไขข้อข้องใจประกัน 2+, 3+
รู้ทันประกันภัย 
"น้ำท่วมภาคใต้" ครั้งนี้... รถคุณได้รับความคุ้มครองหรือไม่? ไขข้อข้องใจประกัน 2+, 3+
"น้ำท่วมภาคใต้" ครั้งนี้... รถคุณได้รับความคุ้มครองหรือไม่? ไขข้อข้องใจประกัน 2+, 3+.
จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก หลายท่านที่เป็นเจ้าของรถยนต์อาจมีความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถของท่าน
.
บทความนี้จึงขอสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองภัยน้ำท่วมจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ท่านสามารถตรวจสอบสิทธิ์และปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
.
1.ตรวจสอบความคุ้มครองในกรมธรรม์ของคุณ
สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติคือการตรวจสอบว่ากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของคุณให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
.
เช่น น้ำท่วม หรือไม่ โดยปกติแล้วความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันที่คุณทำไว้
.
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครบถ้วนที่สุด โดยมีความคุ้มครองครอบคลุมรายละเอียดดังนี้
.
-ความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ
-ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
-รถหาย ไฟไหม้
.
ข้อสำคัญคือ ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และลมพายุ หากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้
.
คุณสามารถมั่นใจได้ว่าความเสียหายจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้จะอยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์
.
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ เบี้ยถูกกว่าแต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขพิเศษ
.
ผู้เอาประกันจำนวนไม่น้อยเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+
.
เนื่องจากมีเบี้ยประกันที่ย่อมเยากว่าชั้น 1 มาก และยังได้รับความคุ้มครองจากรถชนแบบมีคู่กรณี (2+, 3+) และรถหาย (2+)
.
ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับรถที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว โดยปกติแล้ว ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะไม่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม อย่างไรก็ตาม มีบริษัทประกันภัยบางแห่งอาจมีแผนประกันพิเศษ หรือให้ลูกค้าเลือกซื้อความคุ้มครองเสริม
.
สำหรับภัยธรรมชาติเพิ่มเข้ามาได้ ดังนั้น หากคุณทำประกันประเภท 2+ หรือ 3+ ไว้ และเคยเลือกซื้อแผนพิเศษหรือความคุ้มครองเสริมไว้ โปรดตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์หรือสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยโดยตรง เพื่อยืนยันว่าแผนที่คุณเลือกมีความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่
.
ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ 3 เป็นประกันพื้นฐานที่เน้นความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อบุคคลภายนอก หรือรถชนแบบมีคู่กรณี โดยจะไม่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน และไม่ครอบคลุมกรณีรถหาย ไฟไหม้ ( ยกเว้นชั้น 2 คุ้มครองไฟไหม้ ) หรือภัยธรรมชาติใด ๆ
.
หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การเลือกประกันชั้น 2 หรือ 3 เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ และอาจต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถด้วยตนเองเต็มจำนวนหากเกิดเหตุน้ำท่วมขึ้น
.
หากผู้เอาประกันที่ทำประกันชั้น 2, 3+ และ 3 เอาไว้ แต่อยากได้รับความคุ้มครองจากเหตุภัยธรรมชาติ สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้โดยการขอชำระเบี้ยประกันรถยนต์เพิ่ม เพื่อขยายความคุ้มครองดังกล่าว
.
โดยมีบริษัทประกันบางแห่งที่ให้ความคุ้มครอง ดังตัวอย่างจากภาพถ่าย ท่านจะได้รับความคุ้มครอง ตามวงเงินคุ้มครองที่เอาประกันไว้
.
หากรถของคุณประสบเหตุน้ำท่วมและคุณได้ตรวจสอบแล้วว่ากรมธรรม์ของคุณให้ความคุ้มครอง มีข้อแนะนำควรปฏิบัติดังนี้
.
1.ห้ามเคลื่อนย้ายรถหรือขับลุยน้ำโดยเด็ดขาด การสตาร์ทรถหรือขับลุยน้ำอาจทำให้เครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าของรถได้รับความเสียหายรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาการเคลมของบริษัทประกันภัยได้
.
2.ถ่ายรูปหรือวิดีโอสภาพรถและบริเวณโดยรอบขณะเกิดเหตุน้ำท่วม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเคลม
.
3.แจ้งบริษัทประกันภัยโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริษัททราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
.
4.ขอเลขรับแจ้งเหตุ เพื่อนำมาใช้ในการติดต่อเคลมและดำเนินการซ่อมรถกับอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัยต่อไป
.
ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่ยากเกินจะควบคุมและคาดเดาล่วงหน้า การทำประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้จึงถือเป็นตัวเลือกสำคัญที่จะช่วยลดความเสียหายทางการเงินและทำให้คุณอุ่นใจในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าของรถทุกท่านที่ประสบภัยอยู่ในขณะนี้ปลอดภัย และขอให้สถานการณ์กลับมาคลี่คลายโดยเร็วที่สุด
.
ขอบคุณรูปจาก กรุงเทพประกันภัย
.
