[email protected]
ติดต่อเรา
← ย้อนกลับ ยืมเงินผ่านแชท LINE/Facebook ทวงได้ไหม? ฟ้องได้หรือเปล่า?

อัปเดตเมื่อ: 03/09/2025

ยืมเงินผ่านแชท LINE/Facebook ทวงได้ไหม? ฟ้องได้หรือเปล่า?

ให้ยืมเงินผ่านแชท LINE/Facebook ทวงได้ไหม? ฟ้องได้หรือเปล่า? สรุปจบครบครั้งเดียว

 

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยและถามกันเข้ามาบ่อยมากในยุคดิจิทัล คือการให้เพื่อนหรือคนรู้จักยืมเงินโดยคุยกันผ่านแชทใน LINE หรือ Facebook แล้วถ้าเกิดปัญหาลูกหนี้ไม่ยอมคืนเงิน

 

เราจะใช้ข้อความในแชทเหล่านั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องตามกฎหมายได้หรือไม่? บทความนี้มีคำตอบที่ชัดเจน พร้อมกรณีศึกษาจากคำพิพากษาจริงของศาลฎีกา

       กฎหมายหลักที่ต้องรู้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน

ก่อนอื่นเรามาดูหัวใจสำคัญของกฎหมายเรื่องการกู้ยืมเงินกันก่อน ซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่บัญญัติไว้ว่า “การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่” แปลเป็นภาษาบ้านๆ ได้ว่า

 

ถ้าคุณให้ใครยืมเงิน เกิน 2,000 บาท แล้วไม่มีหลักฐานที่เป็นหนังสือ ซึ่งมี ลายเซ็นของคนยืม (ลูกหนี้) กำกับอยู่ คุณจะไปฟ้องศาลให้บังคับเขาคืนเงินไม่ได้เลย สิ่งสำคัญที่สุดที่กฎหมายต้องการคือ ลักฐานที่ลงลายมือชื่อผู้ยืมแม้ว่าฝั่งคนให้ยืม (เจ้าหนี้) จะไม่ได้เซ็นชื่อในเอกสารนั้นก็ไม่เป็นไร

 

ปัญหาคือ แล้วแชทใน LINE หรือ Facebook ใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่? หลายคนอาจจะคิดว่าแชทไม่มีลายเซ็น แล้วจะใช้เป็นหลักฐานได้อย่างไร? ตรงนี้เองที่ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เข้ามามีบทบาทสำคัญ

 

กฎหมายฉบับนี้ยอมรับว่าข้อความที่ส่งหากันผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น LINE หรือ Facebook สามารถใช้เป็นหลักฐานเป็นหนังสือได้ และการกระทำบางอย่างในระบบ เช่น การกดส่งข้อความจากบัญชีผู้ใช้ที่ระบุตัวตนได้ หรือการพิมพ์ข้อความตอบตกลง ก็อาจถือได้ว่าเป็นการ ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แล้ว

 

ดังนั้น คำตอบคือ ใช้เป็นหลักฐานได้ แต่ต้องมีองค์ประกอบที่ชัดเจนและครบถ้วน ไม่ใช่แค่แชทลอยๆ ทั่วไป

 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด เรามาดูคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6757/2560 และฉบับล่าสุดที่สำคัญมากคือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2567 ซึ่งให้บทเรียนที่ยอดเยี่ยมว่าแชทแบบไหนใช้ได้ และแบบไหนใช้ไม่ได้

 

ในคดีนี้ โจทก์ (เจ้าหนี้) ฟ้องจำเลย (ลูกหนี้) ให้คืนเงินที่ยืมไป 20 ครั้ง โดยใช้แชท LINE เป็นหลักฐาน แต่ผลลัพธ์คือ ศาลตัดสินให้โจทก์ชนะเพียงบางส่วน มาดูกันว่าเพราะอะไร

 

ส่วนที่เจ้าหนี้ ชนะคดี (การยืมเงินครั้งที่ 2 ถึง 18)

 

หลักฐาน เจ้าหนี้ส่งข้อความไปในแชท LINE ที่มีรูปแบบชัดเจนว่า ข้าพเจ้าจะให้ท่านยืมเงินจำนวน...บาท เพื่อใช้ลงทุน... หากตกลงให้พิมพ์คำว่า 'ตกลง' เพื่อยืนยัน

 

การกระทำของลูกหนี้ ลูกหนี้ได้พิมพ์คำว่า ตกลง ตอบกลับมาทุกครั้ง

 

คำตัดสินของศาล ศาลมองว่าข้อความที่ส่งโต้ตอบกันนี้ ครบองค์ประกอบ สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการตกลงกู้ยืมเงินกันจริง การที่ลูกหนี้พิมพ์ "ตกลง" จากบัญชี LINE ของตนเอง ถือเป็นการยอมรับและเป็นการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แล้ว จึงเป็นหลักฐานที่สามารถใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้

 

ส่วนที่เจ้าหนี้ "แพ้คดี" (การยืมเงินครั้งที่ 1, 19 และ 20)

 

ครั้งที่ 1 เจ้าหนี้มีเพียง สลิปโอนเงิน อย่างเดียว ไม่มีข้อความแชทที่แสดงว่าเป็นการขอยืมเงินและตกลงให้ยืม ศาลชี้ว่าสลิปบอกได้แค่ว่ามีการโอนเงิน แต่ไม่ได้บอกว่าโอนไปเพราะสาเหตุอะไร อาจจะเป็นการใช้หนี้เก่าหรือร่วมลงทุนก็ได้ จึงไม่ใช่หลักฐานการกู้ยืม

 

ครั้งที่ 19 และ 20 แม้จะมีการพูดคุยและโอนเงิน แต่ในแชทส่วนนี้ ไม่มีข้อความที่ลูกหนี้พิมพ์ "ตกลง" หรือข้อความอื่นใดที่แสดงการยอมรับการกู้ยืมอย่างชัดเจน

 

คำตัดสินของศาล เมื่อไม่มีหลักฐานการตอบตกลงที่ชัดเจนจากฝั่งลูกหนี้ ก็เท่ากับว่าไม่มี "ลายมือชื่อผู้ยืม" ตามที่กฎหมายกำหนด เจ้าหนี้จึงไม่สามารถฟ้องร้องบังคับให้คืนเงินใน 3 ครั้งนี้ได้

 

สรุป Checklist ถ้าอยากให้เงินแล้วได้คืน ถอดบทเรียนในคำพิพากษาข้างต้น หากคุณจะให้ใครยืมเงินผ่านแชท เพื่อให้ปลอดภัยและใช้เป็นหลักฐานได้ แชทของคุณต้องมีเนื้อหาสำคัญดังนี้ ครบทุกข้อ

 

       1.ข้อความที่ระบุชัดเจนว่า "ขอยืมเงิน" ต้องมีคำว่า "ยืม", "ขอยืม", "กู้" หรือคำอื่นที่สื่อความหมายเดียวกันอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันลูกหนี้อ้างทีหลังว่าเป็นเงินร่วมลงทุนหรือให้โดยเสน่หา

 

       2.ระบุจำนวนเงินที่แน่นอน ต้องบอกจำนวนเงินที่ยืมไปอย่างชัดเจน เช่น "ขอยืมเงิน 10,000 บาท"

 

       3.มีชื่อบัญชี ของผู้ยืมที่ระบุตัวตนได้ ต้องแน่ใจว่าโปรไฟล์ LINE หรือ Facebook นั้นเป็นของลูกหนี้จริง (อาจแคปหน้าจอโปรไฟล์เก็บไว้ด้วย)

 

       4.การตอบตกลงที่ชัดเจนจากผู้ยืม นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด ผู้ยืมต้องพิมพ์ข้อความตอบกลับที่ชัดเจน เช่น "ตกลง", "ยืนยัน", "ขอบคุณมาก ได้รับแล้ว" เพื่อให้ถือเป็นการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

       5.หลักฐานการโอนเงิน (สลิป) ต้องมีสลิปการโอนเงินที่ระบุวัน-เวลา และจำนวนเงินตรงกับที่คุยกันในแชท และสลิปต้องไม่มีร่องรอยการแก้ไขใดๆ

 

แม้ว่าการให้ยืมเงินผ่านแชทจะสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ทางที่ดีที่สุดยังคงเป็นการทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นกระดาษและลงลายมือชื่อให้เรียบร้อย แต่หากจำเป็นต้องให้ยืมผ่านแชทจริงๆ การปฏิบัติตาม Checklist ข้างต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสามารถติดตามหนี้คืนตามกฎหมายได้ครับ

 

 

#กฎหมายน่ารู้ #ให้ยืมเงิน #ทวงหนี้ #แชทไลน์ #ฟ้องศาล #กฎหมายแพ่ง #ลูกหนี้ #เจ้าหนี้ #กฎหมายใกล้ตัว #การเงิน


ติดต่อทนายนอกศาล

  • รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

  • บริการร่างสัญญา

  • จัดทำเอกสารกฎหมาย

  • บังคับคดี

  • รับปรึกษากฎหมาย

  • รับฟ้องคดีแพ่ง คดีอาญา

  • รับรองเอกสารและลายมือชื่อ

  • รับจดทะเบียน

  • บริการเร่งรัดหนี้

📞 063-210-6492 🌐 thaitanalawfirm.com 📧 [email protected]

toggle
ติดต่อเรา
logo

บริการที่ปรึกษากฎหมายและการบัญชีครบวงจร ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำและแก้ปัญหาทางกฎหมายและการบัญชีอย่างมืออาชีพ

ที่อยู่บริษัท

บริษัท ไทยธนา ที่ปรึกษาและกฎหมาย จำกัด

731 อาคาร พี.เอ็ม. ทาวเวอร์ ชั้น 7 ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

ติดต่อเรา
โทรศัพท์: 02-6429950-1 / 063-210-6492
โทรสาร: 02-6429950 ต่อ 25
อีเมล: [email protected]
เวลาทำการ
วันจันทร์ - วันศุกร์ 9.00 น. - 18.00 น.

©Copyright 2025 Thaitana Law Firm. 

All Rights Reserved.