
อัปเดตเมื่อ: 26/09/2025
HR ต้องรู้! 📝 เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง "การเจรจาให้ลาออก" กับ "การข่มขู่"... ทำอย่างไรให้ไม่เสี่ยงคดี
HR ต้องรู้! 📝 เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง "การเจรจาให้ลาออก" กับ "การข่มขู่"... ทำอย่างไรให้ไม่เสี่ยงคดี
เส้นแบ่งระหว่าง "การข่มขู่ให้ลาออก" กับ "การสมัครใจลาออก" อยู่ตรงไหน?
หัวใจสำคัญในการพิจารณาว่าการลาออกนั้นเกิดจากการข่มขู่หรือไม่ ศาลจะดูที่ "พฤติการณ์" เป็นหลักครับว่า ขณะที่ลูกจ้างลงลายมือชื่อในหนังสือลาออก เขามีโอกาสได้คิดไตร่ตรองและมีอิสระในการตัดสินใจอย่างแท้จริงหรือไม่? เรามาดู 2 กรณีศึกษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกันครับ
ภาค 1: กรณีศึกษาที่เข้าข่าย "การข่มขู่"
คำถาม การสร้างแรงกดดัน บีบบังคับในห้องประชุม ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่?
ประเด็นคือ นายจ้างกล่าวหาลูกจ้างชาวต่างด้าวว่านำความลับของบริษัทไปเปิดเผย ทำให้หน่วยงานราชการเข้ามาตรวจสอบ
พฤติการณ์ของนายจ้าง
-ลูกจ้างปฏิเสธข้อกล่าวหา
-นายจ้างให้บุคคลอื่นยืนล้อมตัวลูกจ้าง สร้างบรรยากาศกดดัน
-ใช้คำพูดบังคับว่าเรื่องนี้เป็นคดีร้ายแรง ให้รับสารภาพและลงชื่อในหนังสือลาออก
-ข่มขู่เพิ่มเติมว่า หากไม่ลาออกจะทำให้ประวัติด่างพร้อยและไม่สามารถกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อีก
-เมื่อลูกจ้างขอเวลาเพื่อตัดสินใจ นายจ้างปฏิเสธและไม่อนุญาตให้ออกจากห้อง บีบให้ต้องตัดสินใจทันทีระหว่าง "ลาออก" หรือ "ถูกไล่ออก"
ด้วยความหวาดกลัวและปราศจากทางเลือก ลูกจ้างจึงจำใจลงลายมือชื่อในหนังสือลาออก
ศาลพิพากษาว่าการกระทำของนายจ้างเป็นการ "ข่มขู่" ทำให้การแสดงเจตนาลาออกของลูกจ้างเป็นโมฆียะ ถือเป็นการ "เลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม"
ผลลัพธ์คือ นายจ้างต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายเต็มจำนวน ทั้ง ค่าชดเชย, ค่าสินไหมทดแทนสำหรับการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม (ค่าตกใจ) และค่าเสียหายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ภาค 2: กรณีศึกษาที่ถือว่า "สมัครใจ"
คำถาม หากนายจ้างเสนอผลประโยชน์เพื่อแลกกับการลาออก ถือว่าสมัครใจหรือไม่?
ประเด็นคือ ลูกจ้างทำผิดระเบียบของบริษัท และยอมรับผิดกึ่งหนึ่ง (ภาคเสธ)
พฤติการณ์ของนายจ้าง
-นายจ้างไม่ได้ใช้วิธีการกดดัน แต่ "เสนอทางออก" ให้ลูกจ้างพิจารณาตนเอง
-ยื่นข้อเสนอจ่าย "ค่าชดเชยพิเศษ" จำนวน 3 เดือน เพื่อเป็นการตอบแทน
ลูกจ้าง "ตกลง" รับข้อเสนอดังกล่าว และลงลายมือชื่อในใบลาออกด้วยตนเอง
ประเด็นหลังการลาออกคือ ต่อมาลูกจ้างกลับคำและยื่นฟ้องศาล โดยอ้างว่าตนเองไม่ได้สมัครใจ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม
ศาลมองว่า พฤติการณ์ดังกล่าวไม่เข้าข่ายการข่มขู่ ลูกจ้างมีเวลาไตร่ตรองและตัดสินใจรับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง การลาออกจึงเกิดขึ้นโดย "สมัครใจ" คำฟ้องของลูกจ้างจึงตกไป
ผลลัพธ์คือ การลาออกมีผลสมบูรณ์ นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเพิ่มเติมจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
บทสรุปและข้อเสนอแนะสำหรับทุกฝ่าย
การยุติสัญญาจ้างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทที่อาจตามมา
สำหรับนายจ้างและ HR
-ยึดหลักความโปร่งใส ทุกขั้นตอนต้องตรวจสอบได้และเป็นไปตามกฎหมาย
-หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ การข่มขู่หรือสร้างแรงกดดันไม่เคยเป็นผลดีในระยะยาว
-ทำเอกสารให้ชัดเจน หากมีการเจรจาต่อรอง ควรทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุชัดเจนว่าลูกจ้างสมัครใจลาออกเพื่อรับผลประโยชน์พิเศษ และมีพยานรับรู้
สำหรับลูกจ้าง
-รักษาสิทธิของตนเอง หากถูกกดดันหรือข่มขู่ อย่าเพิ่งลงชื่อในเอกสารใดๆ และพยายามหาทางปรึกษาผู้รู้กฎหมาย
-พิจารณาข้อเสนออย่างรอบคอบ หากนายจ้างยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ ให้ใช้เวลาไตร่ตรองถึงความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจ
-หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานนะครับ
#คู่มือนายจ้าง #กฎหมายแรงงานต้องรู้ #การบริหารบุคคล #ยุติสัญญาจ้าง #แรงงานสัมพันธ์ #ผู้นำ #HR #พัฒนาองค์กร #ศาลแรงงาน
บทความอื่น ๆ

แชตเพลินในเวลางาน... อาจโดนไล่ออกไม่รู้ตัว! 💬👩💻 เรื่องจริงจากศาลฎีกาที่มนุษย์ออฟฟิศต้องอ่าน
อัปเดตเมื่อ: 25/08/2025

ด่วน! เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รถพัง-คนเจ็บ... "ประกัน" จ่ายหรือไม่? สรุปครบจบในโพสต์เดียว
อัปเดตเมื่อ: 28/07/2025

1 ต.ค. 68! เตรียมโดนหักเงินเดือนเพิ่ม เข้า "กองทุนใหม่" ที่คนทำงานต้องรู้!
อัปเดตเมื่อ: 07/07/2025