
อัปเดตเมื่อ: 13/08/2025
ลูกค้าถูกดูดเงินเป็นล้าน! ศาลฎีกาตัดสิน "ธนาคาร" ต้องร่วมรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง! บทเรียนสำคัญที่คนใช้แอปธนาคารต้องรู้
บทเรียนจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6233/2564
เมื่อลูกค้าถูกดูดเงิน ธนาคารก็ต้องร่วมรับผิดชอบ
ความสะดวกสบายของธนาคารออนไลน์อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เราคาดไม่ถึง คำพิพากษาศาลฎีกาคดีหนึ่งได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นจากการถูกหลอกโอนเงิน อาจไม่ใช่ความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจาก ความประมาทของทั้งลูกค้าและธนาคาร
จุดเริ่มต้นของคดี
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าธนาคารรายหนึ่ง ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านอีเมลปลอม ทำให้เธอเผลอให้ข้อมูลลับทางการเงินบนเว็บไซต์ของมิจฉาชีพ ส่งผลให้เงินกว่าหนึ่งล้านบาทถูกโอนออกจากบัญชีไปจนเกือบหมดภายในคืนเดียว
ข้อโต้แย้งของคู่กรณี
ข้อโต้แย้งของทั้งสองฝ่ายในศาลสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ฝั่งลูกค้าฟ้องว่าธนาคารในฐานะผู้เชี่ยวชาญควรมีระบบที่สามารถตรวจสอบและหยุดยั้งธุรกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างทันท่วงที การปล่อยให้เงินถูกโอนออกไปหลายครั้งติดกันในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถือเป็นความบกพร่องของธนาคาร
ส่วนฝั่งธนาคารก็ให้การว่า ความเสียหายเกิดจากความประมาทของลูกค้าเองที่นำข้อมูลส่วนตัวไปกรอกในเว็บปลอม ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารได้ประกาศเตือนอยู่เสมอ ดังนั้นลูกค้าจึงควรรับผิดชอบความเสียหายนั้นเอง
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา: ความประมาทร่วม
แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้อง โดยมองว่าธนาคารไม่มีส่วนผิด แต่ศาลฎีกาได้มองลึกลงไปและชี้ให้เห็นถึงความประมาทของทั้งสองฝ่าย ฝั่งลูกค้าถือว่าประมาทเพราะใช้บริการออนไลน์มานานกว่าสิบปี แต่กลับขาดความระมัดระวัง และไม่ได้สังเกตข้อความบน OTP ที่แจ้งว่าเป็นการสมัครใช้แอปพลิเคชันใหม่
ในขณะเดียวกัน ศาลก็ชี้ว่าธนาคารก็ประมาทไม่แพ้กัน เพราะการโอนเงินที่ผิดปกติอย่างชัดเจนขนาดนั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ แต่ระบบของธนาคารกลับไม่สามารถป้องกันได้ อีกทั้งธนาคารยังยอมรับว่าเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กับลูกค้ารายอื่นมาแล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารควรต้องมีมาตรการป้องกันที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
บทสรุปและบรรทัดฐานใหม่
บทสรุปของคดีนี้ จึงลงเอยที่การ แบ่งความรับผิดชอบคนละครึ่ง ศาลตัดสินให้ธนาคารชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกค้า 550,000 บาท คำพิพากษานี้จึงเป็นบทเรียนราคาแพงที่ย้ำเตือนว่า ในโลกดิจิทัล ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องใส่ใจและรับผิดชอบร่วมกัน ไม่สามารถผลักภาระความรับผิดชอบไปให้แก่อีกฝ่ายไม่ได้ โดยจะหวังพึ่งพาอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป
#กฎหมายน่ารู้ #ศาลฎีกา #ดูดเงิน #เตือนภัย #ธนาคาร #MobileBanking #คดีผู้บริโภค #รู้ไว้ไม่เสียหาย #ความรับผิดชอบร่วมกัน