
อัปเดตเมื่อ: 24/07/2025
น้ำท่วมที่จอดรถคอนโด รถเสียหาย นิติบุคคลต้องรับผิดชอบหรือไม่? เปิดข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติ
เมื่อฝนตกหนักจนเกิดเหตุไม่คาดฝัน น้ำท่วมที่จอดรถคอนโด ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ส่งผลให้รถยนต์ของเจ้าของร่วมที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย คำถามสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนอยากรู้คือ ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น? นิติบุคคลอาคารชุด ในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลทรัพย์ส่วนกลาง จะต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่? บทความนี้จะวิเคราะห์จากหลักกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อหาคำตอบ
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: หน้าที่และความรับผิดของนิติบุคคลฯ**
เพื่อจะตอบคำถามข้างต้น เราต้องพิจารณาจากข้อกฎหมาย 2 ส่วนหลักที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร่วมและนิติบุคคลอาคารชุด ดังนี้
1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 (หลักเรื่อง "ละเมิด")
> "ผู้ใดจงใจหรือ ประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น"
2. พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 33 วรรค 2 (หน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุด)
"นิติบุคคลอาคารชุดมีวัตถุประสงค์เพื่อ จัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง..."
จากกฎหมายทั้งสองฉบับ จะเห็นได้ว่า "ที่จอดรถ" ถือเป็น "ทรัพย์ส่วนกลาง" ซึ่งนิติบุคคลอาคารชุดมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจัดการและดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและปลอดภัย ดังนั้น หากเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของเจ้าของร่วมในพื้นที่ส่วนกลาง นิติบุคคลฯ อาจต้องรับผิดในฐานะ "ผู้ทำละเมิด" หากความเสียหายนั้นเกิดจาก "ความประมาทเลินเล่อ" ในการปฏิบัติหน้าที่ของตนนั่นเอง
เจาะลึกแนวคำพิพากษาศาลฎีกา: กรณีศึกษาสำคัญ
เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น เราสามารถเทียบเคียงกับหลักการใน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4493/2543 ซึ่งได้วางแนวทางไว้ดังนี้
1.ข้อเท็จจริงในคดี:น้ำฝนได้เอ่อล้นจาก "ท่อระบายน้ำส่วนกลาง" ที่อุดตัน จนไหลเข้าท่วมห้องชุดของโจทก์ (เจ้าของร่วม) ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
2.คำวินิจฉัยของศาลฎีกา: ศาลวินิจฉัยให้นิติบุคคลอาคารชุด (จำเลย) ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากนิติบุคคลฯ มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง ซึ่งรวมถึงท่อระบายน้ำ ให้สามารถใช้งานได้ดีตลอดเวลา การปล่อยให้ท่อระบายน้ำอุดตันจนเป็นเหตุให้น้ำท่วม ถือเป็น "ความประมาทเลินเล่อ" ในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้นิติบุคคลฯ จะอ้างว่าได้ว่าจ้างบริษัทบริหารอาคารเข้ามาดูแลแล้ว ก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ เพราะถือว่าบริษัทบริหารอาคารเป็น "ตัวแทน" ของนิติบุคคลฯ นั่นเอง
วิเคราะห์: กรณีใดบ้างที่นิติบุคคลอาจต้องรับผิด หรือ ไม่ต้องรับผิด?
จากแนวคำพิพากษาข้างต้น เราสามารถนำมาปรับใช้กับกรณี น้ำท่วมที่จอดรถคอนโด ได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก ดังนี้
1.กรณีที่นิติบุคคลฯ "อาจต้องรับผิด" (เข้าข่ายประมาทเลินเล่อ)
- ขาดการบำรุงรักษาระบบ: ไม่มีการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาระบบระบายน้ำ, เครื่องสูบน้ำ, หรืออุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมอย่างสม่ำเสมอ จนเป็นเหตุให้เครื่องมือเหล่านั้นไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุ
- อุปกรณ์ไม่เพียงพอ: มีอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม แต่มีจำนวนน้อยเกินไป หรือมีประสิทธิภาพต่ำ ไม่สมเหตุสมผลกับความเสี่ยงของพื้นที่ตั้งของอาคาร
- ไม่มีแผนรับมือฉุกเฉิน:ขาดแผนปฏิบัติการรองรับสถานการณ์น้ำท่วม หรือไม่มีระบบการแจ้งเตือนเจ้าของร่วมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายรถยนต์หรือทรัพย์สินอื่นได้ทันท่วงที
- เพิกเฉยต่อคำเตือน:เคยมีเจ้าของร่วมร้องเรียนหรือแจ้งเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม หรือปัญหาระบบระบายน้ำแล้ว แต่นิติบุคคลฯ เพิกเฉย ไม่ดำเนินการตรวจสอบหรือแก้ไข
2.กรณีที่นิติบุคคลฯ "อาจไม่ต้องรับผิด" (สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ประมาท)
- เหตุสุดวิสัย (Force Majeure): พิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างฉับพลัน เกินกว่าที่คาดการณ์ได้ และเกินกว่าที่ระบบซึ่งได้เตรียมการไว้ตามมาตรฐานจะสามารถป้องกันได้
- มีการบำรุงรักษาอย่างดี:มีหลักฐานชัดเจน (เช่น บันทึกการตรวจสอบ, ใบเสร็จการซ่อมบำรุง) ว่าได้ดูแลรักษาระบบระบายน้ำและเครื่องสูบน้ำอย่างสม่ำเสมอ และอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนเกิดเหตุ
- มีการแจ้งเตือนและเตรียมการแล้ว: ได้มีการเตรียมการรับมือและแจ้งเตือนเจ้าของร่วมตามสมควรแล้ว แต่ความเสียหายยังคงเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
- ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพ: สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังในการบริหารจัดการตามมาตรฐานวิชาชีพของผู้จัดการอาคารแล้ว และความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่นอกเหนือการควบคุมจริงๆ
ข้อแนะนำและแนวทางปฏิบัติ
สำหรับเจ้าของร่วม (ผู้เสียหาย)
1. ตรวจสอบประกันภัยรถยนต์: สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของตนเองว่าครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือน้ำท่วมหรือไม่ (โดยปกติจะเป็นประกันชั้น 1) เพื่อเป็นหลักประกันในการชดเชยความเสียหายเบื้องต้น
2. รวบรวมหลักฐาน:หากเกิดเหตุ ให้รีบถ่ายรูปและวิดีโอสภาพความเสียหายของรถยนต์ สภาพที่จอดรถ ระดับน้ำ และบริเวณที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานให้ได้มากที่สุด
3. แจ้งบริษัทประกัน:รีบแจ้งเหตุให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ทราบโดยเร็วที่สุด
4. มีส่วนร่วมกับนิติบุคคลฯ:เข้าร่วมการประชุมนิติบุคคลฯ เพื่อติดตามและสอบถามเกี่ยวกับแผนการบำรุงรักษาและมาตรการป้องกันน้ำท่วมของคอนโดอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับนิติบุคคลอาคารชุด
1. จัดทำแผนและเอกสาร: จัดทำแผนบำรุงรักษาระบบระบายน้ำและเครื่องสูบน้ำเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดเก็บเอกสารการตรวจซ่อมบำรุงอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้เป็นหลักฐานได้
2. เตรียมแผนรับมือฉุกเฉิน: จัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนเมื่อมีพยากรณ์อากาศเตือนภัยฝนตกหนัก รวมถึงกำหนดช่องทางและระบบการแจ้งเตือนเจ้าของร่วมที่มีประสิทธิภาพ
3. ตรวจสอบประกันภัยของนิติบุคคลฯ: ควรตรวจสอบกรมธรรม์ "ประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก" ของนิติบุคคลฯ ว่ามีความคุ้มครองครอบคลุมถึงกรณีเช่นนี้หรือไม่ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าเสียหาย
บทสรุป
การที่นิติบุคคลอาคารชุดจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายจากเหตุ น้ำท่วมที่จอดรถคอนโด หรือไม่นั้น ไม่ใช่ความรับผิดโดยอัตโนมัติ แต่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเป็นกรณีไปว่านิติบุคคลฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางด้วยความระมัดระวังตามสมควรแล้วหรือยัง หากเจ้าของรถสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจาก "ความประมาทเลินเล่อ" ของนิติบุคคลฯ นิติบุคคลฯ ก็ย่อมต้องรับผิดในฐานะผู้ทำละเมิดตามกฎหมาย
ท่านใดเคยประสบกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ สามารถแบ่งปันประสบการณ์ในช่องความคิดเห็นด้านล่างได้ หรือหากท่านมีความเห็นว่าในกรณีเช่นนี้ นิติบุคคลอาคารชุดไม่ควรต้องรับผิดชอบเพราะเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ ก็สามารถส่งความคิดเห็นเข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ สวัสดีครับ
#น้ำท่วม #คอนโด #นิติบุคคล #กฎหมายน่ารู้ #รถยนต์ #ประกันรถยนต์ #กฎหมายแพ่ง #อาคารชุด #คำพิพากษาฎีกา #รู้ไว้ไม่เสียหาย